ไปชม "ถ้ำแก้วโกมล" ความมหัศจรรย์ ที่มีเพียง 1 ใน 3 ของโลก จ.แม่ฮ่องสอน
ความมหัศจรรย์ในเมืองไทย นั้นมีอีกหลายแห่งที่รอให้ทุกท่านได้ไปค้นหา ในเมื่อมันแค่ตั้งรออยู่ แล้วทำไมเราถึงไม่หาเวลาออกไปพบมันละ ถ้ำแก้วโกมล จ.แม่ฮ่องสอน
ก็เป็นที่สุดยอดแห่งความงาม ที่ไม่ได้โด่งดังเพียงในประเทศไทยเท่านั้น แต่ไปไกลถึงระดับโลกแล้ว… สวยแค่ไหนต้องเดินทางไปดูด้วยตาตัวเอง
ถ้ำแก้วโกมล เป็นถ้ำที่ค้นพบด้วยความบังเอิญโดยวิศวกรชาวไทย ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำผลึกแคลไซต์ ที่ประกอบด้วยหินในตระกูลคาร์บอเนต ชนิดแอนไฮดรัสคาร์บอเนต ที่มีความใสกาวบริสุทธิ์มีรูปลักษณ์หลากหลายลักษณะ มีรูปผลึกอยู่ในระบบสามแกนราบ ส่วนใหญ่เป็นรูปหกเหลี่ยมยาวยอดแหลมหรือรูปสี่แหลมขนมเปียกปูน มีแนวแตกเรียบที่สมบูรณ์ 3 แนว
เป็นสิ่งที่พบได้ยากในธรรมชาติ เพราะต้องมีองค์ประกอบที่ครบทั้ง หินปูน ไอน้ำร้อนที่ได้จะน้ำพูร้อนธรรมชาติ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ไอสารละลายแคลเซียมไบคาร์บอเนตที่กลั่นตัวในอุณหภูมิสูงสุดและต้องอิ่มตัวในอุณหภูมิที่ต่ำสุด
ภายในถ้ำจะมีผลึกแร่แคลไซค์ที่มีลักษณะคล้ายเกล็ดหิมะ มีที่มาว่า ถ้ำน้ำแข็ง ภายในถ้ำจะแบ่งเป็นหลายห้องแต่ละห้องจะอยู่ถัดกันไปตามความลึกของถ้ำภายในถ้ำจะค่อนข้างชัน
ถ้ำแก้วโกมลนี่จัดว่าเป็นถ้ำที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในถ้ำผลึกแร่แคลไซต์ที่ค้นพบเพียง 3 แห่งทั่วโลก คือพบที่ ประเทศจีน ประเทศออสเตรเลียและประเทศไทย
ลักษณะของถ้ำแก้วโกมลเป็นถ้ำปิดมีทางเข้าออกอยู่ทางเดียว มีขนาดเล็กและมีอากาศน้อย จึงสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้รอบละ 15-20 คน การเข้าชมถ้ำต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อทำการปั่นไฟฟ้าเพื่อให้แสงสว่างภายในถ้ำ อีกทั้งเพื่อป้องกันการแย่งอากาศหายใจ และป้องกันไม่ให้เบียดเสียดจนไปสัมผัสแร่ ผลึกภายในถ้ำ จนเสียหาย
ภายในถ้ำแบ่งเป็นห้องต่างๆ 5 ห้อง ให้เราได้เดินชมกันอย่างต่อเนื่อง ยิ่งลึก ยิ่งสวยงามจับตา ใกล้ปากทางเข้าถ้ำ คือห้องแรก “พระทัยธาร”มีหินงอกหินย้อยและผลึกแคลไซต์ที่ได้รับผลกระทบจากการสำรวจในยุคแรกๆ จึงไม่สวยงามนัก
พระทัยธาร
ห้องนี้มีที่มาจากการที่น้ำในถ้ำ ละลายกับหินปูนทำให้เกิดภาพน้ำไหลเหมือนเป็นธารน้ำตก พระทัยธารซึ่งเป็นห้องแรกนี้ เป็นห้องที่ได้รับความเสียหายจากการระเบิดอุโมงค์มากที่สุด สังเกตได้จากเศษหินที่กระจัดกระจายอยู่ภายใน มีโพรงที่จากการทำเหมืองตามสายแร่ฟลูออไรต์ หินงอก หินย้อยต่างๆได้รับความเสียหายจากการสำรวจไปมาก จึงไม่งดงามมากนัก ความงามของห้องที่ก็คงจะมีเพียงร่องรอยลวดลายสายน้ำตกอันเป็นที่มาของชื่อ ห้องเท่านั้น
วิมานเมฆ
ถัดมาเป็นห้องที่มีชื่อพระราชทานว่า “วิมานเมฆ” เพราผนังถ้ำด้านบนดูคล้ายกับปุยเมฆ ห้องนี้มีลักษณะเป็นช่องยาว บางช่วงเป็นรูแคบ ๆ ซึ่งเป็นลักษณะของโพรงน้ำไหลในอดีต ทำให้มีความลำบากในการเดินสำรวจ มีหินงอก หินย้อย และบางจุดมีผลึกแร่แคลไซต์เกาะอยู่ แต่มีความงดงามไม่มากนัก เนื่องจากผลึกบางส่วนได้แตกหักเสียหาย และมีรอยเปื้อนจากการถูกจับต้องระหว่างการเข้าสำรวจ
เฉกหิมพานต์
ห้องที่ 3 เกิดจากจินตนาการของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงทอดพระเนตรแล้วเหมือนอยู่ในป่าหิมพานต์ตามวรรณคดีไทย จึงมีชื่อพระราชทานว่า “เฉกหิมพานต์”
ห้องนี้ต้องลงบันไดไปประมาณ 50 ม. เป็นห้องขนาดใหญ่มีหินงอกหินย้อยลักษณะเป็นผ้าม่าน สีขาวขุ่นถึงสีน้ำตาล ผลึกเหล่านี้ถูกละลายโดยน้ำเกิดเป็นคลื่นเป็นริ้วๆ สีขาวขุ่น หรือน้ำตาล ตามแต่สภาพน้ำที่ไหลเข้ามาเกาะตามผนังถ้ำ และย้อยลงมาอยู่ทั่วไป
ม่านผาแก้ว
เพริศแพร้วมณีบุปผา
แล้วก็มีมาถึงห้องสุดท้าย อยู่ลึกลงไปถึง 30 ม. เป็นห้องที่สวยงามที่สุด มีชื่อพระราชทานว่า “เพริศแพร้วมณีบุปผา” เต็มไปด้วยผลึกแคลไซต์บริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ มีผลึกแคลไซต์ที่สมบูรณ์ตั้งแต่พื้นจนจดผนัง ทั้งผลึกรูปเข็มและผลึกรูปปะการังสีขาวบริสุทธิ์ราวกับเกล็ดหิมะ สวยตรึงตราตรึงใจ ถือเป็นการปิดท้ายการชมถ้ำ ที่งดงามมาก ๆ เลยทีเดียว
เนื่องจากถ้ำแก้วโกมลมีขนาดเล็กและมีอากาศน้อย จึงสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้รอบละ 15-20 คน และผู้เข้าชมถ้ำควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแย่งอากาศหายใจ และป้องกันไม่ให้เบียดเสียดจนไปสัมผัสแร่ ผลึกภายในถ้ำ จนเสียหายหมดประกายแวววาว
เวลาเปิด-ปิด : วนอุทยานถ้ำแก้วโกมล เปิดให้บริการเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 – 16.30 น. ยกเว้นช่วงฤดูฝนประมาณช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายนของทุกปี ในปีนี้ ปิดให้เข้าชมถ้ำตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2561
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
**ในการเข้าชมไม่อนุญาตให้นำสิ่งของพรุงพรัง เช่น กระเป๋า กล้องถ่ายภาพ และไม่อนุญาตให้จับต้องแร่แคลไซค์ เพราะจะทำให้เกิดผลกระทบต่อแร่แคลไซค์ที่จะเกิดขึ้นใหม่
การเดินทาง : ใช้เส้นทางสายเอเซียเข้านครสวรรค์ – กำแพงเพชร – ตาก – เถิน จากนั้นใช้เส้นทางออกจากเถิน – ลี้ (106) – ดอยเต่า – ฮอด (1103) จากนั้นก็จะมาพบกับถนนเส้น 108 (เชียงใหม่ – แม่สะเรียง) วิ่งเข้าตัว อ.ฮอด พอถึงวงเวียนหอนาฬิกาก็เลี้ยวซ้ายไป อ.แม่สะเรียง ตรงไปประมาณ 30 กม. จะมีป้ายบอกทางเข้าถ้ำแก้วโกมลทางด้านขวามือติดกับ โรงพยาบาลแม่ลาน้อย
จากหน้าโรงพยาบาลแม่ลาน้อยแยกเข้าไปอีก 6 กม. ต้องจอดรถไว้ที่นี่ แล้วนั่งรถ 2 แถวขึ้นไป ประมาณ 6 กม. เนื่องจากทางแคบ และชันมาก เกิดอุบัติเหตุบ่อย …เดินรถได้ทางเดียวไม่สวนทางกัน ขึ้นก็คือขึ้น ลงก็ลงอย่างเดียว
อาจจะดูทรหดหน่อย แต่ว่ามันก็คุ้มค่าที่จะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ที่มีเพียง 1 ใน 3 ของโลก ให้เห็นกับตาตัวเอง
ขอบคุณที่มา : emaginfo.com ,travel.mthai.comภาพจาก : atcloud.com, thainorthtour, tourismthailand
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น